โรคเบาหวาน (Diabetes Millitus)
ถือเป็นปัญหาสุขภาพยอดฮิตที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เนื่องจากคนไทยป่วยด้วย โรคเบาหวาน นี้มากถึง 2-3 ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดย โรคเบาหวาน จัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโรคที่คุกคามคนไทย พบได้ในทุกช่วงวัยโดยคนวัยกลางอายุ๔๐ปีขึ้นไปมีอัตราการพบสูงสุด อย่างไรก็ตาม
มีคนอีกจำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานแต่ไมรู้ตัว ทำให้ละเลยการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ป่วยได้ปล่อยให้โรคลุกลามจนอาจ
นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ดังนั้น วันนี้ลองมาสำรวจดูว่าคุณอยู่ในข่ายเสี่ยงโรคเบาหวานหรือไม่ พร้อมๆกับทำความเข้าใจโรคเบาหวานนี้กันอย่างถูกต้อง
โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมน”ฮอร์โมนอินซูลิน” (Insulin) ไม่เพียงพอ อันส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
เกินฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่คอยช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินในร่างกายไม่พอทำให้น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ
แต่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุเกิดโรคเบาหวานคืออะไร ? โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่รักษายังไม่หายขาด และเป็นโรคทางพันธุกรรม โดยลูกหลานที่มีพ่อแม่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน สูงกว่าคนปกติถึง 50% ซึ่งนอกจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งแวดล้อม การรับประทานอาหาร วิถีการดำเนินชีวิต การออกกำลังกาย ล้วนแล้วแต่มีส่วน
สำคัญต่อการเกิดโรคเบาหวานด้วย ประเภทของเบาหวาน แบ่งตามสาเหตุได้ 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ 1.เป็นชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและอันตรายสูง
เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายต่อต้านการสร้างอินซูลินของตับอ่อน ทำให้ร่างกายหยุดสร้างอินซูลินหรือสร้างได้น้อยมาก มักพบในเด็ก
และคนอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ก็อาจพบในคนสูงอายุได้บ้าง อาการของโรคจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีรูปร่างค่อนข้างผอม ดังนั้นผู้ป่วย เบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดระยะยาว ซึ่งถ้าขาดการรักษาด้วยอินซูลินจะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน
ชนิดเฉียบพลันได้ 2.เป็นเบาหวานชนิดที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากพบในอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน(โดยกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม) โดยตับอ่อนยังสามารถสร้างอินซูลินได้แต่ทำงานไม่เป็นปกติ จึงไม่เพียงพอกับ
ความต้องการของร่างกาย จึงทำให้มีน้ำตาลที่เหลือใช้กลายเป็นเบาหวานได้ อาการของโรคจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือไม่มีอาการเลย
ซึ่งผู้ป่วยจะมีรูปร่างอ้วนหรือปกติก็ได้และมักจะมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวานชัดเจน
อาการเบื้องต้นของเบาหวาน
ผู้เป็นโรคเบาหวานจะมีอาการเบื้องต้นคือ
1.ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย น้ำหนักตัวลดลง
2.มีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน เช่น ตามัว แผลหายช้า ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือผิวหนังบ่อยๆ
3.อาการชาไม่ค่อยมีความรู้สึก เนื่องมาจากเบาหวานจะทำลายเส้นประสาทให้เสื่อมสมรรถภาพลงความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกจึงถดถอยลง
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
1. เบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งหากได้รับการรักษาอย่างจริงจัง อาจกลับมามีชีวิตเหมือนคนปกติได้
แต่ถ้าหากรักษาไม่ดีพอก็อาจเกิดอันตรายจากโรคแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกัน
2. การควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากในรายที่เป็นไม่มากนัก ถ้าปฏิบัติในเรื่องเหล่านี้ได้อาจหายจากโรคเบาหวานได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ทั้งนี้ผู้ป่วยควรเลือกรับประทานอาหาร ดังต่อไปนี้
• ลดการกินอาหารที่มีน้ำตาลและของหวานทุกชนิด รวมทั้งผลไม้หวาน น้ำอัดลม แม้ระดับน้ำตาลในเลือดจะปกติดีแล้วก็ควรจะต้องควบคุมอาหารตลอดไป
• ลดการกินอาหารพวกไขมัน เช่น ของทอด ของมัน ขาหมู หันไปกินอาหารพวกโปรตีน นม ไข่ รวมทั้งรับประทานผักและผลไม้
ที่ไม่หวานจัดให้มากขึ้น
• ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยมากเพื่อช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้น
• หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจุกจิกและไม่ตรงเวลา
• หากมีอาการเกี่ยวกับโรคไตหรือความดันโลหิตสูงด้วย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม
3.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน ทำกายบริหาร เป็นต้น